เมื่อวันที่ 11-14 ธันวาคม 2550 ผมพร้อมด้วยครูโรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ บูรณวิทยา อีก 2 คน
คือ ครูนิคม เรืองกูล และครูรัชนี ค่ายหนองสวง ได้ไปเข้ารับการอบรม"หลักสูตรนักเจรจาไกล่เกลี่ย" ตามโครงการเสริมสร้างสันติวัฒนธรรมในโรงเรียนและพัฒนาศักยภาพบุคลากรในสถานศึกษา
ซึ่งจัดโดยสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ ณ โรงแรมเอส ดี เวนิว กรุงเทพฯ โดยมีวิทยากรผู้บรรยายได้แก่ ศาสตราจารย์
นายแพทย์วันชัย วัฒนศัพท์ ผู้อำนวนการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า
นายนพพร โพธิรังสิยากร ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ และนายโชติช่วง ทัพวงศ์
ผู้พิพากษาอาวุโสศาลภาค 7 ลักษณะการอบรมจะเป็นการบรรยาย การซักถาม การฝึกปฏิบัติจากเหตุการณ์จำลอง และกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ โดยมีเนื้อหาสรุปได้ดังนี้
ไกล่เลี่ย หมายถึง กระบวนการระงับข้อพิพาท ที่มีบุคคลที่สามซึ่งเป็นคนกลาง เข้าช่วยเหลือแนะนำคู่กรณีในการเจรจาต่อรอง การไกล่เกลี่ยเป็นทั้ง ศาสตร์ และ ศิลป์"เป็นศาสตร์" เพราะไกล่เกลี่ยเป็นวิชาการที่มีหลักเกณฑ์ วิธีการ และกระบวนการที่ต้องปฏิบัติ
"เป็นศิลป์" เพราะเป็นการนำเอาความรู้ทางวิชาการมาปฏิบัติ โดยผู้ไกล่เกลี่ยต้องมีเทคนิค และทักษะในการไกล่เกลี่ย
ขั้นตอนการประชุมไกล่เกลี่ย หมายถึง ลำดับขั้นตอนการเจรจาไกล่เกลี่ย และสิ่งซึ่งผู้ไกล่เกลี่ยและคู่กรณีควรปฏิบัติในการเจรจาไกล่เกลี่ย โดยเฉพาะ"ผู้ไกล่เกลี่ย" ต้องเตรียมโดยมีขั้นตอนคือ 1) เตรียมตัว
2) เตรียมคดี 3) เตรียมพบคู่กรณี และเมื่อเข้าสู่ที่ประชุมผู้ไกล่เกลี่ยมีแนวปฏิบัติดังนี้
> เป็นประธานที่ประชุม , เข้าสู่ที่ประชุมเมื่อทุกฝ่ายพร้อม , ชวนพูดคุยเรื่องอื่นก่อน
> สร้างบรรยากาศ ( ให้เป็นกันเอง ไม่เป็นพิธีการ, ให้เหมือนการประชุมปรึกษาหารือเพื่อทำงานร่วมกัน, ให้
มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
> กล่าวเปิดประชุม ( ทักทายผู้เข้าร่วมประชุมโดยการขอบคุณทุกฝ่ายที่เข้าร่วมประชุม, ให้ทุกคนในที่ประชุมได้รู้จักกันโดย การแนะนำตัวเอง, อธิบายบทบาทของผู้ไกล่เกลี่ยเช่น เป็นคนกลาง มีหน้าที่แก้ปัญหาข้อขัดข้องในการเจรจาต่อรองของคู่กรณี ไม่มีหน้าที่ชี้ขาดข้อพิพาท ค้นหาความพอใจของคู่กรณี
ผ่าทางตัน เสนอทางเลือกเพื่อยุติความขัดแย้ง ช่วยทำข้อตกลงที่เป็นธรรม อธิบายวิธีการและขั้นตอนไกล่เกลี่ย เช่น คู่กรณีต้องสมัครใจให้ไกล่เกลี่ย การไกล่เกลี่ยเป็นสิ่งที่เข้าเสริมการเจรจาต่อรอง ไม่ใช่เข้าไปแทนที่ การไกล่เกลี่ยเป็นความลับ คู่กรณีเป็นผู้ตัดสินใจในผลของการไกล่เกลี่ยโดยมีโอกาสได้เจรจาต่อรองเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนเองต้องการด้วยตัวเอง อธิบายวัตถุประสงค์ของการไกล่เกลี่ย เช่น ไกล่เกลี่ยเพื่ออะไร
อธิบายสิ่งที่คู่กรณีต้องปฏิบัติ เช่น กำหนดกรอบเวลาการไกล่เกลี่ยและขอความเห็นชอบการไกล่เกลี่ย
กำหนดกฏเกณฑ์พื้นฐานในการไกล่เกลี่ย เช่น พูดทีละฝ่าย ไม่ขัดกลางคัน ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายด้วยความเคารพ )
> ระหว่างประชุมไกล่เกลี่ย ผู้ไกล่เกลี่ยต้องรวบรวมข้อมูลด้วยการรับฟังก่อนโดยการ ให้คู่กรณีมีโอกาสพูดเท่าเทียมกัน ให้ฝ่ายใดพูดก่อนก็ได้ เป็นผู้รับฟังที่ดี แยกไกล่เกลี่ย การแก้ปัญหาการเจรจาต่อรองโดยใช้
แนวทาง Interest-based Mediation คือ แยกอารมณ์ออกจากคน แยกคนออกจากปัญหา เน้นเจรจาที่ผลประโยชน์ไม่ใช่จุดยืน การหาทางออกร่วมกัน สร้างทางเลือกหลาย ๆ ทาง การผ่าทางตัน แล้วจบลงด้วยด้วยผล 2 ประการคือ ตกลงกันได้ และ ตกลงกันไม่ได้ แล้วดำเนินการตามกระบวนไกล่เกลี่ยต่อไป
วันอาทิตย์ที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
วันอาทิตย์ที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
การเข้าร่วมประชุมสมัชชาคุณภาพการศึกษา
เมื่อวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2550 ผมพร้อมด้วยครูของโรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ บูรณวิทยา
อีก 2 คนได้แก่ คุณครูนิคม เรืองกูล และคุณครูเจตนา ศิริมงคล ได้ไปเข้าร่วมการประชุมสมัชชาคุณภาพการศึกษา ณ อาคารแกรนด์ไดมอนด์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งจัดโดยกระทรวงศึกษาธิการ มี ศ.ดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน รมว.กระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน ลักษณะการจัดประชุม จะจัดการประชุมออกเป็นกลุ่มย่อยทั้งหมด 11 กลุ่มย่อย ในส่วนของข้าพเจ้าได้เข้าร่วมประชุมกลุ่มย่อยในหัวข้อเรื่อง"การจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีในสถานศึกษา" ซึ่งมีสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ดำเนินการจัดประชุม ณ ห้อง Meeting Room 11 อาคารแกรนด์ไดมอนด์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี สาระการประชุมโดยย่อมีดังนี้
> เด็กในยุคปัจจุบันจะมีปัญหาทางด้านอารมณ์ เช่น ความรู้สึกโดดเดี่ยว ซึมเศร้า มีความโกรธ ความไม่รักษาระเบียบวินัย มีความกระวนกระวายใจ กังวลใจ มีความหุนหันพลันพลันแล่น และก้าวร้าวมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา
> ถ้าเราปล่อยให้การศึกษาทางด้านอารมณ์ให้เป็นไปตามแต่โอกาสจะอำนวย ก็จะทำให้เกิดผลเสียหายที่ใหญ่หลวง
> การแก้ไขพฤติกรรมของนักเรียนในอดีตเมื่อนักเรียนทำความผิด การแก้ไขพฤติกรรมใช้วิธีว่ากล่าวตักเตือน ควบคุมโดยการดุ ตำหนิ ขู่ลงโทษทางกาย( การตี ) ภาคทัณฑ์ หรือสั่งให้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง
> พฤติกรรมของครูที่นักเรียนไม่ชอบคือ การพูดหยาบคาย ตี หัวเราะเยาะ จุกจิกจู้จี้ ตบหัว ไล่ออกจากห้องเรียน ไม่เก็บความลับของนักเรียน โมโหคนอื่นแล้วมาพาลกับนักเรียน การล้อเลียนให้ได้อาย ไม่ฟังเหตุผลคำอธิบาย ด่าถึงพ่อแม่บรรพบุรุษ พฤติกรรมทางลบของครูเหล่านี้ ยิ่งทำให้นักเรียนเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี กับครู กับการเรียน และกับโรงเรียนด้วย
> เด็กจะทำอะไรได้ดี ก็ต่อเมื่อเขามีความรู้สึกที่ดี
> เด็กที่มีปัญหาเรื่องความประพฤติคือ เด็กที่ไม่ได้รับการกระตุ้นและให้กำลังใจ ดังนั้นการกระตุ้นและให้กำลังใจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการที่จะจัดการกับเด็กที่มีปัญหาเรื่องพฤติกรรม คือ การจัดการด้วยวิธีการเชิงบวก
> ยุทธศาสตร์ในการเสริมพลังทางบวก ถ้าผู้มองมีบวกอยู่ในใจมาก ภาพที่ตนเองมองเห็นก็จะเป็นภาพบวกทั้งเข้มและชัดเจน อันจะทำให้พฤติกรรมทางบวก คือความดีงามถ้าปฏิบัติแล้วให้ผลตอบสนองความต้องการ เกิดความสุข ความพอใจ ตัวเราก็จะรับวิธีการนั้นเป็นค่านิยม และยึดเป็นเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติต่อไป
อีก 2 คนได้แก่ คุณครูนิคม เรืองกูล และคุณครูเจตนา ศิริมงคล ได้ไปเข้าร่วมการประชุมสมัชชาคุณภาพการศึกษา ณ อาคารแกรนด์ไดมอนด์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งจัดโดยกระทรวงศึกษาธิการ มี ศ.ดร.วิจิตร ศรีสะอ้าน รมว.กระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน ลักษณะการจัดประชุม จะจัดการประชุมออกเป็นกลุ่มย่อยทั้งหมด 11 กลุ่มย่อย ในส่วนของข้าพเจ้าได้เข้าร่วมประชุมกลุ่มย่อยในหัวข้อเรื่อง"การจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีในสถานศึกษา" ซึ่งมีสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ดำเนินการจัดประชุม ณ ห้อง Meeting Room 11 อาคารแกรนด์ไดมอนด์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี สาระการประชุมโดยย่อมีดังนี้
> เด็กในยุคปัจจุบันจะมีปัญหาทางด้านอารมณ์ เช่น ความรู้สึกโดดเดี่ยว ซึมเศร้า มีความโกรธ ความไม่รักษาระเบียบวินัย มีความกระวนกระวายใจ กังวลใจ มีความหุนหันพลันพลันแล่น และก้าวร้าวมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา
> ถ้าเราปล่อยให้การศึกษาทางด้านอารมณ์ให้เป็นไปตามแต่โอกาสจะอำนวย ก็จะทำให้เกิดผลเสียหายที่ใหญ่หลวง
> การแก้ไขพฤติกรรมของนักเรียนในอดีตเมื่อนักเรียนทำความผิด การแก้ไขพฤติกรรมใช้วิธีว่ากล่าวตักเตือน ควบคุมโดยการดุ ตำหนิ ขู่ลงโทษทางกาย( การตี ) ภาคทัณฑ์ หรือสั่งให้ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง
> พฤติกรรมของครูที่นักเรียนไม่ชอบคือ การพูดหยาบคาย ตี หัวเราะเยาะ จุกจิกจู้จี้ ตบหัว ไล่ออกจากห้องเรียน ไม่เก็บความลับของนักเรียน โมโหคนอื่นแล้วมาพาลกับนักเรียน การล้อเลียนให้ได้อาย ไม่ฟังเหตุผลคำอธิบาย ด่าถึงพ่อแม่บรรพบุรุษ พฤติกรรมทางลบของครูเหล่านี้ ยิ่งทำให้นักเรียนเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี กับครู กับการเรียน และกับโรงเรียนด้วย
> เด็กจะทำอะไรได้ดี ก็ต่อเมื่อเขามีความรู้สึกที่ดี
> เด็กที่มีปัญหาเรื่องความประพฤติคือ เด็กที่ไม่ได้รับการกระตุ้นและให้กำลังใจ ดังนั้นการกระตุ้นและให้กำลังใจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการที่จะจัดการกับเด็กที่มีปัญหาเรื่องพฤติกรรม คือ การจัดการด้วยวิธีการเชิงบวก
> ยุทธศาสตร์ในการเสริมพลังทางบวก ถ้าผู้มองมีบวกอยู่ในใจมาก ภาพที่ตนเองมองเห็นก็จะเป็นภาพบวกทั้งเข้มและชัดเจน อันจะทำให้พฤติกรรมทางบวก คือความดีงามถ้าปฏิบัติแล้วให้ผลตอบสนองความต้องการ เกิดความสุข ความพอใจ ตัวเราก็จะรับวิธีการนั้นเป็นค่านิยม และยึดเป็นเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติต่อไป
อบรมสัมมนาโครงการประชุมวิชาการ"เครือข่ายการวิจัยทางการศึกษา"ระดับจังหวัดราชบุรี
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2550 ผมพร้อมด้วยคณะครูโรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ บูรณวิทยาอีกจำนวน 10 คน ได้ไปเข้ารับอบรมสัมมนาการนำเสนอผลงานวิจัยดี มีคุณภาพตามโครงการการประชุม
วิชาการ"เครือข่ายการวิจัยทางการศึกษา" ระดับจังหวัดของจังหวัดราชบุรี ณ อาคารสำนักผู้ตรวจราชการประจำเขตตรวจราชการที่ 6 อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี สรุปผลการอบรมสัมมนาโดยย่อได้ดังนี้
> การศึกษาผลการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาโรงเรียนบ้านหนองปรือ ปีการศึกษา 2549 โดยใช้รูปแบบการบริหารคุณภาพที่ใช้โรงเรียนเป็นฐาน (QM MODEL) โดยนางนิตยา ทองประเสริฐ
> การศึกษาการดำเนินการและปัญหาการดำเนินการในระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ตามแนวทางปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเป็นคนเก่ง ดี และมีความสุข ของโรงเรียนปากท่อพิทยาคม จังหวัดราชบุรี โดย
นายรัตน์ชัย ศรสุวรรณ
> ความร่วมมือของเครือข่ายโรงเรียนในการใช้ป่าชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้อย่างยั่งยืน เพื่อจัดการเรียนการ
สอนแก่เด็กปฐมวัย โดยนางสาวปณิตา ศิลารักษ์
> การเรียนรู้วิทยาศาสตร์กับแอนนิเมชั่น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดย
นายเอกชัย บุญมีพิพิธ
> การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง หน่วยของสิ่งมีชีวิตและชีวิตพืช ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแคทรายวิทยา โดยนางจูรี่ จินณวัฒน์
> การพัฒนาสื่อการสอนอิเล็กทรอไลเซอร์ เพื่อการเรียนการสอนวิชาเคมี โดยนายคม พิริยวุฒิกรอุดม
> การเปรียบเทียบพัฒนาการความสามารถในการทำโครงงานก่อนและหลังเรียน โดยใช้ชุดกิจกรรมพัฒนาการทำโครงงานภาษาไทย โดยนางชนัญญา ลักษณะวีระ
> การพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนด้วยการใช้สัทอักษรชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดย
นางจินตอาภา ผลบุณยรักษ์
> การพัฒนาการเขียนคำด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนสะกดคำสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนอนุบาลบางแพ โดยนางสาวประทุม นาคนงค์
> การพัฒนาแบบฝึกสะกดคำที่ไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด สาระการเรียนรู้ภาษไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
โรงเรียนประชาพัฒนาวิทย์ โดยนางสาวหทัยรัตน์ อันดึ
> การพัฒนาการเรียนรู้การบวกและลบเลขจำนวนที่มีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ของเด็กพิเศษเรียนร่วม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยนายสุเทพ เกิดผล
วิชาการ"เครือข่ายการวิจัยทางการศึกษา" ระดับจังหวัดของจังหวัดราชบุรี ณ อาคารสำนักผู้ตรวจราชการประจำเขตตรวจราชการที่ 6 อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี สรุปผลการอบรมสัมมนาโดยย่อได้ดังนี้
> การศึกษาผลการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาโรงเรียนบ้านหนองปรือ ปีการศึกษา 2549 โดยใช้รูปแบบการบริหารคุณภาพที่ใช้โรงเรียนเป็นฐาน (QM MODEL) โดยนางนิตยา ทองประเสริฐ
> การศึกษาการดำเนินการและปัญหาการดำเนินการในระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ตามแนวทางปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเป็นคนเก่ง ดี และมีความสุข ของโรงเรียนปากท่อพิทยาคม จังหวัดราชบุรี โดย
นายรัตน์ชัย ศรสุวรรณ
> ความร่วมมือของเครือข่ายโรงเรียนในการใช้ป่าชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้อย่างยั่งยืน เพื่อจัดการเรียนการ
สอนแก่เด็กปฐมวัย โดยนางสาวปณิตา ศิลารักษ์
> การเรียนรู้วิทยาศาสตร์กับแอนนิเมชั่น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดย
นายเอกชัย บุญมีพิพิธ
> การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง หน่วยของสิ่งมีชีวิตและชีวิตพืช ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนแคทรายวิทยา โดยนางจูรี่ จินณวัฒน์
> การพัฒนาสื่อการสอนอิเล็กทรอไลเซอร์ เพื่อการเรียนการสอนวิชาเคมี โดยนายคม พิริยวุฒิกรอุดม
> การเปรียบเทียบพัฒนาการความสามารถในการทำโครงงานก่อนและหลังเรียน โดยใช้ชุดกิจกรรมพัฒนาการทำโครงงานภาษาไทย โดยนางชนัญญา ลักษณะวีระ
> การพัฒนาการอ่านและการเขียนของนักเรียนด้วยการใช้สัทอักษรชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดย
นางจินตอาภา ผลบุณยรักษ์
> การพัฒนาการเขียนคำด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการเขียนสะกดคำสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนอนุบาลบางแพ โดยนางสาวประทุม นาคนงค์
> การพัฒนาแบบฝึกสะกดคำที่ไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด สาระการเรียนรู้ภาษไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
โรงเรียนประชาพัฒนาวิทย์ โดยนางสาวหทัยรัตน์ อันดึ
> การพัฒนาการเรียนรู้การบวกและลบเลขจำนวนที่มีผลลัพธ์และตัวตั้งไม่เกิน 100,000 ของเด็กพิเศษเรียนร่วม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยนายสุเทพ เกิดผล
วันเสาร์ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
อบรม"แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีในสถานศึกษา"
เมื่อวันที่ 18-20 พฤศจิกายน 2550 ผมพร้อมด้วยครูนิคม เรืองกูล และครูรัชนี ค่ายหนองสวง ได้ไปเข้ารับการอบรมตามโครงการเสริมสร้างสันติวัฒนธรรม 80 สถานศึกษา ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ร่วมกับสำนักสันติวิธีธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า จัดการอบรมหลักสูตรเรื่อง "แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งด้วยสันติวิธีในสถานศึกษา" ณ โรงแรมบางกอกกอล์ฟ สปา
รีสอร์ท จังหวัดปทุมธานี โดยมี ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ และคณะเป็นวิทยากรผู้อบรม ผลการอบรมสรุปโดยย่อดังนี้
> การเจรจาไกล่เกลี่ย(Negotiation) คือกระบวนการแก้ปัญหาระหว่างบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปซึ่งสมัครใจมาเจรจา ในเรื่องของความแตกต่างเพื่อพยายามที่จะนำไปสู่การตัดสินใจร่วมกันในประเด็นที่มีความกังวลด้วยกัน
> การเจรจาไกล่เกลี่ยคนกลาง(Mediation) คือการเจรจาไกล่เกลี่ยที่อาศัยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เป็นกลาง
> การแก้ปัญหาความขัดแย้ง ควรใช้ความนุ่มนวลหรือ "สันติวิธี"
> การสื่อสารเป็นปัจจัยพื้นฐานในการป้องกันและแก้ปัญหาความขัดแย้ง
> การจัดการความขัดแย้งควรเน้นที่ "กระบวนการ" ต้องวิเคราะห์ ประเมิน และค้นหาวิธีการที่เหมาะสม เพราะ สิ่งที่เราเห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด จึงไม่ควรด่วนสรุป
> การจัดการความขัดแย้ง ต้องสร้างความไว้วางใจระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
> การจัดการและแก้ปัญหาความขัดแย้ง บางครั้งจำเป็นต้องใช้เวลา "อย่ารีบร้อน" ร่วมมือกันทำ
> กฏ กติกา หรือข้อจำกัดในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง อาจเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
ควรหาทางออกร่วมกัน หรือ มองนอกกรอบ
คำคม > "การเปลี่ยนแปลงเป็นวิกฤตสำหรับคนไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่เป็นโอกาสสำหรับคนที่เตรียมตัวไว้แล้ว" "การแก้ปัญหาร่วมกัน แยกคนออกจากปัญหา นุ่มนวลในประเด็นเรื่องของคน แต่แข็งในประเด็นของปัญหา" "An eye for an eye and we all go blind" (ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ผันทุกคนสู่ความพ่ายแพ้)
รีสอร์ท จังหวัดปทุมธานี โดยมี ศ.นพ.วันชัย วัฒนศัพท์ และคณะเป็นวิทยากรผู้อบรม ผลการอบรมสรุปโดยย่อดังนี้
> การเจรจาไกล่เกลี่ย(Negotiation) คือกระบวนการแก้ปัญหาระหว่างบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปซึ่งสมัครใจมาเจรจา ในเรื่องของความแตกต่างเพื่อพยายามที่จะนำไปสู่การตัดสินใจร่วมกันในประเด็นที่มีความกังวลด้วยกัน
> การเจรจาไกล่เกลี่ยคนกลาง(Mediation) คือการเจรจาไกล่เกลี่ยที่อาศัยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เป็นกลาง
> การแก้ปัญหาความขัดแย้ง ควรใช้ความนุ่มนวลหรือ "สันติวิธี"
> การสื่อสารเป็นปัจจัยพื้นฐานในการป้องกันและแก้ปัญหาความขัดแย้ง
> การจัดการความขัดแย้งควรเน้นที่ "กระบวนการ" ต้องวิเคราะห์ ประเมิน และค้นหาวิธีการที่เหมาะสม เพราะ สิ่งที่เราเห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด จึงไม่ควรด่วนสรุป
> การจัดการความขัดแย้ง ต้องสร้างความไว้วางใจระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
> การจัดการและแก้ปัญหาความขัดแย้ง บางครั้งจำเป็นต้องใช้เวลา "อย่ารีบร้อน" ร่วมมือกันทำ
> กฏ กติกา หรือข้อจำกัดในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง อาจเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
ควรหาทางออกร่วมกัน หรือ มองนอกกรอบ
คำคม > "การเปลี่ยนแปลงเป็นวิกฤตสำหรับคนไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่เป็นโอกาสสำหรับคนที่เตรียมตัวไว้แล้ว" "การแก้ปัญหาร่วมกัน แยกคนออกจากปัญหา นุ่มนวลในประเด็นเรื่องของคน แต่แข็งในประเด็นของปัญหา" "An eye for an eye and we all go blind" (ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ผันทุกคนสู่ความพ่ายแพ้)
วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐
การศึกษาดูงาน
เมื่อวันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ผมพร้อมกับคณะครูและนักเรียนจำนวน 10 คน
ได้ไปศึกษาดูงานมหกรรมปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐาน"มหัศจรรย์เด็กไทย" ณ อิมแพค เมืองทองธานี
ซึ่งจัดโดย ภาคีการศึกษาทั่วไทยและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการแสดงทางด้านการศึกษาตามบูธต่าง ๆ และการแสดงบนเวทีทั้ง 4 ภาค โดยใช้
แนวคิดที่ว่า "เด็กคิด เด็กทำ เด็กนำเสนอ" การนำเสนอตามบูธต่าง ๆ ในงานจะเป็นลักษณะการสาธิต
การบรรยาย การแสดงพื้นบ้านแต่ละภาคที่สถานศึกษานั้น ๆ ตั้งอยู่ เช่น ลิเก ลำตัด รองเง็ง รำกลองยาว การตีกลองสะบัดชัย เป็นต้น ในส่วนการจัดแสดงมีการแบ่งออกเป็นทั้งหมด 9 โถงดังนี้
โถงที่ 1 : ต้นธารชีวิตงาม เป็นการแสดงที่เน้นอุดมการณ์ชีวิตที่ดีงามและการรู้จักบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมส่วนรวมคือ เป้าหมายสำคัญในการพัฒนาเด็ก และเยาวชนด้วยเรื่องราวที่น่าเรียนรู้ เช่น พระอัจฉริยภาพเนกประการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และปณิธารคุณธรรมนำความรู้
โถงที่ 2 : โรงเรียนดีของชุมชน เป็นการวิเคราะห์กันให้กระจ่างแจ้งว่าปัจจัยการบริหารจัดการเช่นไรและเครื่องมืออะไร ที่ทำให้ชุมชนได้โรงเรียนดี ๆ มาดูแลพัฒนาเด็กนักเรียนอย่างเต็มศักยภาพ ทำให้พ่อ แม่ ผู้ปกครองวางใจและเด็ก ๆ มีความสุขอบอุ่นทุกวันที่โรงเรียน เช่น การกระจายอำนาจการศึกษา และการพัฒนาขยายโอกาส
โถงที่ 3 : เรียนสอนสื่อสร้างสรรค์ เป็นการรวมสุดยอดเทคนิคการจัดการเรียนการสอน การผลิตสื่อการศึกษา การพัฒนาหลักสูตรและแผนการจัดการเรียนรู้การปฐมวัยศึกษา ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน การวิจัยและพัฒนาสมรรถนะทางวิชาการที่โดดเด่นเป็นประโยชน์แก่ครู พ่อแม่ผู้ปกครองและนักเรียน
โถงที่ 4 : สื่อสารภาษาโลก เป็นการพบกับนวัตกรรมการเรียนภาษาแบบธรรมชาติที่เข้าถึงภาษาในทุกระดับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
โถงที่ 5 : อัศจรรย์เทคโนโลยี เป็นการนำเคล็ดลับการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ สารสนเทศ และสิ่งแวดล้อม ที่สุดล้ำมาเปิดเผยให้กระจ้างแจ้ง
โถงที่ 6 : เด็กล้วนมีสิทธิ์ศึกษา เป็นการปฏิรูปนวัตกรรมช่วยเหลือเด็กพิเศษทุกประเภท
เพื่องการเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่จะพัฒนาชีวิตของตนให้มีความหมาย
โถงที่ 7 : ศิลปหัตถกรรมนี้ล้ำเลิศ เป็นการประมวลสุดยอดการเรียนการสอนศิลปหัตถกรรมและการงานอาชีพที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน
โถงที่ 8 : นาฏศึกษาพัฒนาชีวิต เป็นการจัดกิจกรรมวิชาการนาฏศึกษาฝึมือเยี่ยม
โถงที่ 9 : โรงเรียนจิ๋วแต่แจ๋ว เป็นการแสดงความสามารถของโรงเรียนขนาดเล็กคือ โรงเรียนที่มีนักเรียนตั้งแต่ 120 คนลงมา ซึ่งมีอยู่ประมาณ 12,000 โรงเรียน คิดเป็นหนึ่งในสามของโรงเรียนทั้งหมดในประเทศไทย
ได้ไปศึกษาดูงานมหกรรมปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐาน"มหัศจรรย์เด็กไทย" ณ อิมแพค เมืองทองธานี
ซึ่งจัดโดย ภาคีการศึกษาทั่วไทยและสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการแสดงทางด้านการศึกษาตามบูธต่าง ๆ และการแสดงบนเวทีทั้ง 4 ภาค โดยใช้
แนวคิดที่ว่า "เด็กคิด เด็กทำ เด็กนำเสนอ" การนำเสนอตามบูธต่าง ๆ ในงานจะเป็นลักษณะการสาธิต
การบรรยาย การแสดงพื้นบ้านแต่ละภาคที่สถานศึกษานั้น ๆ ตั้งอยู่ เช่น ลิเก ลำตัด รองเง็ง รำกลองยาว การตีกลองสะบัดชัย เป็นต้น ในส่วนการจัดแสดงมีการแบ่งออกเป็นทั้งหมด 9 โถงดังนี้
โถงที่ 1 : ต้นธารชีวิตงาม เป็นการแสดงที่เน้นอุดมการณ์ชีวิตที่ดีงามและการรู้จักบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมส่วนรวมคือ เป้าหมายสำคัญในการพัฒนาเด็ก และเยาวชนด้วยเรื่องราวที่น่าเรียนรู้ เช่น พระอัจฉริยภาพเนกประการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และปณิธารคุณธรรมนำความรู้
โถงที่ 2 : โรงเรียนดีของชุมชน เป็นการวิเคราะห์กันให้กระจ่างแจ้งว่าปัจจัยการบริหารจัดการเช่นไรและเครื่องมืออะไร ที่ทำให้ชุมชนได้โรงเรียนดี ๆ มาดูแลพัฒนาเด็กนักเรียนอย่างเต็มศักยภาพ ทำให้พ่อ แม่ ผู้ปกครองวางใจและเด็ก ๆ มีความสุขอบอุ่นทุกวันที่โรงเรียน เช่น การกระจายอำนาจการศึกษา และการพัฒนาขยายโอกาส
โถงที่ 3 : เรียนสอนสื่อสร้างสรรค์ เป็นการรวมสุดยอดเทคนิคการจัดการเรียนการสอน การผลิตสื่อการศึกษา การพัฒนาหลักสูตรและแผนการจัดการเรียนรู้การปฐมวัยศึกษา ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน การวิจัยและพัฒนาสมรรถนะทางวิชาการที่โดดเด่นเป็นประโยชน์แก่ครู พ่อแม่ผู้ปกครองและนักเรียน
โถงที่ 4 : สื่อสารภาษาโลก เป็นการพบกับนวัตกรรมการเรียนภาษาแบบธรรมชาติที่เข้าถึงภาษาในทุกระดับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
โถงที่ 5 : อัศจรรย์เทคโนโลยี เป็นการนำเคล็ดลับการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์
เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ สารสนเทศ และสิ่งแวดล้อม ที่สุดล้ำมาเปิดเผยให้กระจ้างแจ้ง
โถงที่ 6 : เด็กล้วนมีสิทธิ์ศึกษา เป็นการปฏิรูปนวัตกรรมช่วยเหลือเด็กพิเศษทุกประเภท
เพื่องการเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่จะพัฒนาชีวิตของตนให้มีความหมาย
โถงที่ 7 : ศิลปหัตถกรรมนี้ล้ำเลิศ เป็นการประมวลสุดยอดการเรียนการสอนศิลปหัตถกรรมและการงานอาชีพที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน
โถงที่ 8 : นาฏศึกษาพัฒนาชีวิต เป็นการจัดกิจกรรมวิชาการนาฏศึกษาฝึมือเยี่ยม
โถงที่ 9 : โรงเรียนจิ๋วแต่แจ๋ว เป็นการแสดงความสามารถของโรงเรียนขนาดเล็กคือ โรงเรียนที่มีนักเรียนตั้งแต่ 120 คนลงมา ซึ่งมีอยู่ประมาณ 12,000 โรงเรียน คิดเป็นหนึ่งในสามของโรงเรียนทั้งหมดในประเทศไทย
วันศุกร์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐
ประวัติส่วนตัว
1. ชื่อ จ.ส.อ.บุญสม อะละมาลา เกิดวันที่ 5
มกราคม พ.ศ. 2505 สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ
ไทย มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 83/12 - 3
หมู่ที่ 7 ตำบล เกาะพลับพลา อำเภอ เมือง
จังหวัด ราชบุรี รหัสไปรษณีย์ 70000
โทรศัพท์บ้าน 032-373391 โทรศัพท์มือถือ
086-160-5488
2. ชื่อบิดา นายหนู อะละมาลา ชื่อมารดา
นางกิมหลุย อะละมาลา
3. ชื่อคู่สมรส นางจริยา อะละมาลา อาชีพ
รับราชการครู โรงเรียนบ้านโป่งกระทิงบน
ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี เขต 1
4. ชื่อบุตร 1) นางสาวมัชฌิมา อะละมาลา 2) นายคทาวุฒิ อะละมาลา 3. นายธนาพงศ์ อะละมาลา
5. การศึกษา 1) ปี พ.ศ. 2518 จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 ณ โรงเรียนวัดช่องพราน ตำบล เตาปูน
อำเภอ โพธาราม จังหวัด ราชบุรี 2) ปี พ.ศ. 2522 จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ณ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ
ตำบล หน้าเมือง อำเภอ เมือง จังหวัดราชบุรี 3) ปี พ.ศ. 25224 จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ณ โรงเรียน
เบญจมราชูทิศ ตำบล หน้าเมือง อำเภอ เมือง จังหวัด ราชบุรี 4) ปี พ.ศ. 2538 จบปริญญาตรี
วุฒิ ศึกษาศาสตรบัณฑิต ( ศษ.บ ) เอกประถมศึกษา ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
6. การทำงาน เข้ามาทำงานที่โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์ บูรณวิทยา เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2527
ตำแหน่ง ครูพิเศษ ได้รับใบอนุญาตให้บรรจุครูเลขที่ รบ.159/2542 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2542
ได้รับใบอนุญาตให้เป็นครูเลขที่ 50-42-0042 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2542 ได้รับใบประกอบ
วิชาชีพครูเลขที่ 47103040452121 ออกให้ ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2547
7. ตำแหน่งหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 1) ครูฝ่ายพัสดุ 2) ครูฝ่ายอาคารสถานที่ 3) ครูฝ่ายปกครอง
4) ครูฝ่ายกิจการนักเรียน 5) ครูฝ่ายโสตทัศนูปกรณ์ 6) ครูฝ่ายห้องสมุด 7) ผู้ช่วยครูใหญ่ฝ่าย
อาคารสถานที่ 8) ผู้ช่วยครูใหญ่ฝ่ายวิชาการ 9) ผู้ช่วยครูใหญ่ฝ่ายธุรการ-การเงิน 10) ผู้ช่วยครูใหญ่
ฝ่ายปกครอง 11) หัวหน้างานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
8. ประสบการณ์ในด้านการสอน 1) เป็นครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 1, 2 และ 5 2) สอนวิชา
สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตชั้นประถมศึกษาปีที่ 1, 2 และ 5 3) สอนวิชาคณิตศาสตร์ชั้นประถม
ศึกษาปีที่ 1, 2 และ 3 4) สอนวิชาพระพุทธศาสนาชั้นประถมศึกษาปีที่ 3, 4 5) สอนวิชาการงาน
และพื้นฐานอาชีพชั้นประถมศึกษาปีที่ 1, 2 6) สอนวิชาสุขศึกษาและพลศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่
3, 5 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1, 2 7) สอนวิชาลูกเสือชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่
1, 2 8) สอนวิชาภาษาไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1, 2, 5, 6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2, 3
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)